ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อประกันของบริษัทไหน ผลกำไร ก็ไม่ต่างกัน
พื้นฐานของบริษัทประกันทุกที่เหมือนกันขึ้นอยู่กับ อัตตามรณะ / ผมตอบแทน 2ตัวนี้ บวกกัน เป็น ต้นทุนของประกันชีวิต
ดอกเบี้ยทบต้น และวิธีการเอาไปลงทุน
คืนเงินที่ได้ (ต้นทุน) +อัตราดอกเบี้ย (ณขณะนั้นที่จะเอาไปลงทุน) +การลงทุนก็จะเป็นผลกำไรออกมา
ถ้าคุณไปทำการวิจัยสินค้า ไม่ว่าลูกค้าของคุณจะซื้อแบบไหนก็ตาม กำไรของทุกบริษัทก็จะเหมือนๆกัน
มาสเตอร์อลันตันกล่าวว่า
บริษัทที่มาสเตอร์ทำงาน ด้วย
cv จะต่ำเสมอ
ตัวเบี้ยจะสูง
ผมตอบแทนที่ได้คืนต้องน้อยกว่าบริษัทอื่นๆ แน่นอน
แต่สามารถปิดการขายได้ทุกครั้ง ไม่เคยสูญเสียให้กับคู่แข่งเลย
มาสเตอร์กล่าวว่า แม้ว่าจะเป็นชาวอังกฤษก็ตาม ในช่วงนั้นมีอัตราเบี้ยพิเศษสำหรับชาวยุโรป แบบลดราคา ซึ่งถูกว่าถึง 30%
คนผิวขาวทั้งหลาย คุณหมอทั้งหลาย ก็ยังซื้อกับมาสเตอร์
พี่อาท เสริมให้เห็นว่า ในแง่มุมของการขาย ไม่ว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทไหนจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในสมัยที่พี่อาท เริ่มทำงาน เมื่อย้อนเวลากลับไปซัก 20ที่แล้ว คำตอบคือ ลูกเค้าเลือกซื้อ เพราะว่าตัวแทนไง เมื่อย้อนเวลากลับไปซัก 10ที่แล้ว ต่อมา พอดอกเบี้ยธนาคารค่อยๆ ลดลง แต่บริษัทประกัน ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแบบ จึงทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่ ประกันให้ ดังนั้นตัวแทน ที่อยู่ในยุคนี้ ก็จะขายผลิตภัณฑ์ที่เน้นออกทรัพย์ เหมือนธนาคาร และถ้าไม่ใช่ออมทรัพย์ก็ขายไม่ได้ พอเป็นยุคปัจจุบัน (ปีพ.ศ. 2564) ในยุคของปัจจุบันตัวแทนที่อยู่กับ ATC ก็ยังสามารถขายงานได้ เพราะว่าเราเข้าใจธุรกิจนี้ เพียงแค่เราต้องรู้ว่า ดังนั้น คุณตัวแทน เคยขายตัวเอง ต่อหน้าลูกค้าไหม เคย add value ของตัวเอง ต่อหน้าลูกค้าไหม **เราขายอะไรก็ได้ ถ้าตัวแทน มีความสามารถ** ถ้ายังไม่เคย ก็ต้องลองศึกษาดูว่าจังหวะไหนทำได้ สิ่งนี้คือ สิ่งที่ต้อง ทำ Research เช่นเดียวกัน |